โรคไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) เป็นหนึ่งในโรคติดต่อที่อันตรายที่สุดในโลก โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ประมาณการว่ามีผู้ติดเชื้อกว่า 296 ล้านคน ทั่วโลก และกว่า 820,000 คน เสียชีวิตในแต่ละปีจากภาวะแทรกซ้อน เช่น ตับแข็งและมะเร็งตับ ในประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อประมาณ 3-5% ของประชากร บทความนี้จะสรุปทุกสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับ อาการ สาเหตุ การตรวจวินิจฉัย การรักษา และวิธีป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี
1. ไวรัสตับอักเสบบีคืออะไร?
ไวรัสตับอักเสบบี (HBV) เป็นไวรัสที่โจมตีตับโดยตรง ทำให้เกิดการอักเสบและทำลายเซลล์ตับ หากติดเชื้อเรื้อรังอาจนำไปสู่ ตับแข็ง มะเร็งตับ และเสียชีวิตได้
1.1 การติดต่อของไวรัสตับอักเสบบี
ไวรัสนี้ติดต่อผ่าน เลือดและสารคัดหลั่ง ในร่างกาย เช่น:
✅ จากแม่สู่ลูก (ระหว่างคลอด)
✅ การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
✅ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
✅ การสักหรือเจาะหูด้วยอุปกรณ์ไม่สะอาด
✅ การใช้ของมีคมร่วมกัน (มีดโกน แปรงสีฟัน)
หมายเหตุ: ไวรัสตับอักเสบบีไม่ติดต่อผ่านการกอด จาม หรือทานอาหารร่วมกัน
2. อาการของโรคไวรัสตับอักเสบบี
2.1 อาการเฉียบพลัน (ระยะแรก)
- อ่อนเพลีย
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดท้องด้านขวาบน
- ตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน)
- ปัสสาวะสีเข้ม
- เบื่ออาหาร
2.2 อาการเรื้อรัง (หากไม่รักษา)
ผู้ติดเชื้อบางรายอาจไม่มีอาการชัดเจน แต่ไวรัสยังทำลายตับอย่างเงียบๆ นานหลายปี จนนำไปสู่:
⚠️ ตับแข็ง (ท้องมาน, เลือดออกง่าย)
⚠️ มะเร็งตับ
⚠️ ตับวายเฉียบพลัน
3. การตรวจวินิจฉัยโรคไวรัสตับอักเสบบี
แพทย์จะใช้การตรวจเลือดเพื่อหา:
🔬 HBsAg (Hepatitis B surface antigen) → บ่งชี้การติดเชื้อ
🔬 Anti-HBs (Hepatitis B surface antibody) → บ่งชี้ภูมิคุ้มกัน
🔬 HBV DNA → วัดปริมาณไวรัสในเลือด
🔬 การทำงานของตับ (Liver Function Test)
หากผลตรวจพบ HBsAg เป็นบวกเกิน 6 เดือน แสดงว่าเป็น โรคตับอักเสบบีเรื้อรัง
4. การรักษาโรคไวรัสตับอักเสบบี
4.1 การรักษาแบบเฉียบพลัน
ส่วนใหญ่ร่างกายจะกำจัดไวรัสได้เอง แพทย์อาจแนะนำ:
- พักผ่อนมากๆ
- ดื่มน้ำสะอาด
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และยาที่ทำลายตับ
4.2 การรักษาแบบเรื้อรัง
ต้องใช้ยาต้านไวรัสเพื่อป้องกันตับถูกทำลาย เช่น:
💊 Tenofovir
💊 Entecavir
💊 Interferon (ในบางกรณี)
หมายเหตุ: ยาต้านไวรัสไม่สามารถฆ่าเชื้อได้หมด แต่ช่วยควบคุมไม่ให้ไวรัสทำลายตับ
5. วิธีป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี
5.1 วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
✅ เด็กแรกเกิด ควรได้รับวัคซีนทันที (เข็มแรกภายใน 24 ชม.)
✅ ผู้ใหญ่ที่ยังไม่เคยฉีด ควรฉีด 3 เข็ม (เดือนที่ 0, 1, 6)
✅ กลุ่มเสี่ยง (บุคลากรทางการแพทย์, ผู้มีคู่นอนหลายคน) ควรตรวจภูมิคุ้มกัน
5.2 ป้องกันการติดเชื้อ
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- ไม่ใช้เข็มฉีดยาหรือของมีคมร่วมกัน
- เลือกสถานที่สักหรือเจาะหูที่สะอาดได้มาตรฐาน
6. ข้อควรรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบบี
❓ ถาม: หากเคยฉีดวัคซีนแล้ว ต้องฉีดซ้ำไหม?
➡ ตอบ: โดยทั่วไปภูมิคุ้มกันอยู่ได้ตลอดชีวิต แต่บางคนอาจต้องตรวจระดับภูมิ (Anti-HBs)
❓ ถาม: ผู้ติดเชื้อสามารถมีลูกได้ไหม?
➡ ตอบ: ได้ แต่ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อป้องกันการติดต่อสู่ลูก
❓ ถาม: อาหารเสริมช่วยรักษาไวรัสตับอักเสบบีได้ไหม?
➡ ตอบ: ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ยาต้านไวรัสคือวิธีรักษาที่ได้ผลที่สุด
สรุป
ไวรัสตับอักเสบบีเป็นโรคที่อันตราย แต่สามารถป้องกันได้ด้วย วัคซีนและการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง หากสงสัยว่าติดเชื้อ ควรตรวจเลือดทันที เพราะการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยลดความเสี่ยงตับแข็งและมะเร็งตับได้
คำแนะนำสุดท้าย: ตรวจสุขภาพประจำปี และหากยังไม่เคยฉีดวัคซีน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการป้องกันที่เหมาะสม